History

วิศวกรรมการผลิต  มีความหมายตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่า Production Engineering ซึ่งนิยมใช้กันในสหราชอาณาจักรและภาคพื้นยุโรป ส่วนในสหรัฐอเมริกาใช้คำว่า Industrial Engineering (วิศวกรรมอุตสาหการ) การจัดการศึกษาวิศวกรรมอุตสาหการในแบบของสหรัฐอเมริกานั้น เน้นหนักไปในด้านการจัดการให้มีการร่วมมือกันของกรรมวิธีการผลิตต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ได้ปริมาณ คุณภาพและราคาตามที่ต้องการ โดยให้ความสนใจในรายละเอียดทางด้านวิศวกรรมน้อยมาก ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการของมหาวิทยาลัย แทบทุกแห่งในประเทศไทยก็ได้จัดการศึกษาในแบบของสหรัฐอเมริกานี้ ส่วนการจัดการศึกษาวิศวกรรมการผลิตในสหราชอาณาจักรและภาคพื้นยุโรป เน้นหนักไปในด้านกรรมวิธีการผลิตก่อน หลังจากนั้นจึงพิจารณาถึงการจัดการ เพื่อให้ได้ปริมาณ คุณภาพและราคาตามที่ต้องการ การจัดการศึกษาในลักษณะนี้ต้องลงทุนสูงเพราะจำเป็นต้องมีเครื่องมือกลในการผลิต อุปกรณ์ช่วยการผลิตและเครื่องมือวัดต่างๆ ที่ใช้ในกรรมวิธีการผลิตจริง

   

    โดยที่ปรัชญาการศึกษาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือเน้นหนักไปในเชิงปฏิบัติ (Practice-oriented) ดังนั้นรูปแบบการศึกษาวิศวกรรมอุตสาหการของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ จึงเอนเอียงไปในแนวทางของสหราชอาณาจักรและภาคพื้นยุโรปด้วยเหตุนี้เอง จึงใช้ชื่อภาควิชาว่า “ภาควิชาวิศวกรรมการผลิต” เพื่อเน้นให้เห็นถึงความแตกต่างในปรัชญาการศึกษา ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น

รศ. ชาญ ถนัดงาน

หลักสูตรวิศวกรรมการผลิตได้เปิดขึ้น โดยรองศาสตราจารย์ชาญ ถนัดงาน รักษาการในตำแหน่งหัวหน้าภาควิชา ร่วมกับ Dr.-Ing. H.W. Heitmann ผู้เชี่ยวชาญประจำโครงการ ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับความช่วยเหลือส่วนหนึ่งในด้านเครื่องมือ อุปกรณ์ ตำรา เอกสารและทุนการศึกษาจากรัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน ตามโครงการปรับปรุงคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (โดย GTZ) 

 โครงการความช่วยเหลือเริ่มขึ้นในเดือนตุลาคม 2524 ในลักษณะที่ภาควิชาวิศวกรรมการผลิตสังกัดอยู่ในภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล รับนักศึกษาแยกออกมาจากนักศึกษาวิศวกรรมเครื่องกลที่กำลังขึ้นชั้นปีที่ 3 จนกระทั่ง เดือนตุลาคม 2527 จึงได้รับอนุมัติให้จัดตั้งภาควิชาวิศวกรรมการผลิตอย่างเป็นทางการ การศึกษาภาควิชาวิศวกรรมการผลิตในคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ จัดการศึกษาในระดับปริญญาตรี เพื่อสนองความต้องการของอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ ในปี พ.ศ. 2532 มหาวิทยาลัยฯ ได้ขอความร่วมมือจากรัฐบาลเยอรมัน เพื่อจัดการศึกษาในสาขานี้ถึงระดับปริญญาโท ซึ่งได้เริ่มเปิดทำการเรียนการสอนได้ในปี 2535 

ดั้งเดิม เรามีวิศวกรรมศาสตร์อยู่แล้วหลายสาขา ที่สามารถออกแบบ สร้าง และดำเนินการระบบต่าง ๆ ทางด้านวิศวกรรมได้ แต่ในการสร้าง การผลิต ที่ดำเนินการอยู่อาจไม่เป็น การทำให้เหมาะสมที่สุด (optimization) ดังนั้น ประเทศเราจึงยังขาดสาขาวิศวกรรมศาสตร์ที่มีความรู้ความสามารถในกรรมวิธีการผลิต เพื่อให้สามารถเลือกกรรมวิธีการผลิตที่เหมาะสมที่สุด โดยพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรรมวิธีการผลิตที่มีต้นทุนเหมาะสมกับปริมาณการผลิต เกณฑ์ความคลาดเคลื่อนของชิ้นส่วนที่เหมาะสมไม่ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงเกินไป วางแผนการผลิต ควบคุมคุณภาพการผลิต ปรับปรุงและพัฒนาการผลิต ให้ได้ปริมาณ คุณภาพ และต้นทุน ตามที่ต้องการ

รศ.ชาญ ถนัดงาน

ในอดีตที่ผ่านมา นักศึกษาของภาควิชาส่วนหนึ่งที่ชอบกิจกรรมประดิษฐ์หุ่นยนต์ ซึ่งได้รวมตัวกับนักศึกษาจากภาควิชาอื่น สร้างหุ่นยนต์เพื่อเข้าแข่งขันในรายการต่างๆ โดยมีอาจารย์จากทางภาควิชาฯเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาทีม ใน พ.ศ. 2540 ทีม Tomahawk ได้ไปได้รางวัลชนะเลิศที่ประเทศญี่ปุ่นสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นก็มีกลุ่มนักศึกษารุ่นสู่รุ่น ที่คอยเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยไปแข่งขันหุ่นยนต์ในรายการต่างๆ จนเกิดเป็นชมรมหุ่นยนต์ IRap ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ขึ้น ทีมของชมรมหุ่นยนต์ IRap คณะวิศวกรรมศาสตร์ได้สร้างชื่อเสียงโดยเฉพาะในรายการหุ่นยนต์กู้ภัย World RoboCup Rescue ในช่วงปลายปี 2554 ซึ่งปรากฎการณ์ที่ว่านักศึกษา PE เกือบยกทีมทำหุ่นยนต์กู้ภัยไปแข่ง เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งได้แชมป์โลกต่อเนื่องหลายสมัย ซึ่งในขณะนั้นอุตสาหกรรม 4.0 เทคโนโลยีหุ่นยนต์ยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายเหมือนอย่างในปัจุจบัน อีกทั้งยังไม่มีมหาวิทยาลัยไหนที่เปิดหลักสูตรวิศวกรรมหุ่นยนต์ฯ ขึ้น หลักสูตรวิศวกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ (Robotic Engineering & Automation System) ตั้งแต่ พ.ศ. 2555 โดยนำรากฐานของ PE ด้าน Automation เดิมมาเพิ่มเติมในศาสตร์วิทยาการหุ่นยนต์เข้าไป หลักสูตรนี้เป็นที่ต้องการ ตอบสนองกับความต้องการของอุตสาหกรรม 4.0 ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ได้มีมติจากสภามหาวิทยาลัยปรับปรุงชื่อภาควิชาเดิมเป็น“วิศวกรรมการผลิตและหุ่นยนต์”เพื่อความเป็นอัตลักษณ์ของภาควิชาในยุคการผลิตสมัยใหม่ โดยนำอัตลักษณ์เดิมของ PE เดิมมาเพิ่มเติมศาสตร์และองค์ความรู้ในเทคโนโลยีการผลิตในยุคดิจิทัล (Digital Manufacturing Technology) อาทิ เพิ่มรายวิชาสมัยใหม่ด้าน AI, Data Science, Additive Manufacturing, Micro/Nano Manufacturing, Cyber Physical System, Reverse Engineering for Innovation และอีกหลายวิชาสมัยใหม่ได้บรรจุลงไปในทั้งสองหลักสูตรอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างเสริมศักยภาพให้นักศึกษาที่จบไปสามารถนำองค์ความรู้ไปต่อยอดในการทำงานในอนาคต ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการผลิตของประเทศให้พัฒนาต่อไป

ความหมายโลโก้ภาควิชาในปัจจุบัน (เมื่อ 24 มกราคม 2567)

# P สีน้ำเงิน คือ Personnel ยังคงตามความหมายของโลโก้ PE เดิมที่ท่าน รศ.ชาญ ถนัดงาน ได้ให้ความหมายไว้ โดยตัว P มีลักษณะแข็งแรง แสดงถึงความหนักแน่นด้วยพื้นฐานความรู้ตามปรัชญาวิศวกรรมการผลิต ยึดมั่นความถูกต้อง มีคุณธรรม จรรยาบรรณในการประกอบวิชาชีพ ผสมผสานด้วยตัวริบบิ้นมีความอ่อนช้อย ที่แสดงถึงการอ่อนน้อม สามารถปรับตัวทำงานเป็นทีมร่วมกับผู้อื่นได้ดี
 
# R เกิดจากการรวมตัวกันระหว่างตัว P และตัว R ที่มีลักษณะเกาะเกี่ยวกันเป็นสายสัมพันธ์ เนื่องจากภาควิชาก่อตั้งขึ้นจากหลักสูตร PE เมื่อ พ.ศ. 2527 แล้วต่อมาในปี พ.ศ. 2555 จึงเกิดหลักสูตร RE ที่เป็นแขนง Automation เดิมของ PE ดังนั้น ตัว P สีทองจึงเป็นฐานหลักให้ตัว R สีเงิน เกาะเกี่ยวพัน เกิดเป็นอีกหนึ่งขาทำให้ตัว P เดิมเกิดความสมดุลและมั่นคง อีกทั้งแสดงถึงความผูกพัน มีความกลมกลืน เป็นอันหนึ่งอันเดียวระหว่างนักศึกษาทั้งสองสาขา เสมือนต้นกล้าที่กำลังเจริญเติบโต มีการเรียนรู้ไปด้วยกัน
 
# E เป็นตัวแทนของคำว่า Engineering ที่ทางภาควิชาได้ยึดแนวทางรูปแบบการเรียนจากประเทศเยอรมันที่เน้นการลงปฏิบัติจริง จึงใช้สีของธงชาติเยอรมันเป็นสีของตัวอักษร และตัวอักษร E ได้ดัดแปลงใช้โครงร่างของหกเหลี่ยมด้านเท่า ที่แสดงถึงปรัชญาของภาควิชาในปัจจุบันในการมุ่งเน้นองค์ความรู้แบบสหวิทยาการ 6 ด้าน ประกอบด้วย 1) Material Science and Testing 2) Manufacturing Technology 3) Precision Machine Tool Design 4) Industrial Management and Metrology
5) Automation and Robotics และ 6) Digital Manufacturing
 
กลุ่มฟันเฟืองด้านล่างแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของภาควิชาฯ ตั้งแต่ พ.ศ. 2527 ที่เริ่มต้นจากเฟืองขนาดเล็กของคณะวิศวกรรมศาสตร์ มจพ. ได้พัฒนาเพิ่มขนาดจนกลายเป็นเฟืองขนาดใหญ่ด้านบน ซึ่งเป็นเฟืองที่สามารถขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมได้อย่างมั่นคง และเฟืองใหญ่ด้านบนนี้เกิดจากรวมตัวจากเฟืองตัวเล็ก 8 ตัว ซึ่งประกอบด้วย 6 Core competencies ณ ปัจจุบัน และได้สำรองเฟืองไว้อีก 2 ตัว เพื่อเป็นอัตลักษณ์ของภาควิชาในอนาคตอย่างน้อยอีก 2 แขนง เพราะภาควิชาฯ จะไม่หยุดนิ่ง ต้องผลิตวิศวกรที่ก้าวทันอนาคตข้างหน้าต่อไป จึงเป็นที่มาขอโลโก้ภาควิชาวิศวกรรมการผลิตและหุ่นยนต์ในปัจจุบัน…..